โรคไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C) คือ โรคติดต่อที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดซี ส่งผลต่อตับโดยตรง และเป็นหนึ่งในชนิดของตับอักเสบจากไวรัส ในระยะแรก ผู้ป่วยมักไม่มีอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น ไข้ ปัสสาวะสีเข้ม ปวดท้อง หรือดีซ่าน หากไม่ได้รับการรักษา ไวรัสตับอักเสบซีจะกลายเป็นโรคเรื้อรัง และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น ตับแข็ง มะเร็งตับ
สาเหตุของโรคไวรัสตับอักเสบซี
Table of Contents
ติดต่อผ่านการสัมผัสเลือดที่ปนเปื้อน
- การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ
- การรับเลือดที่ไม่ผ่านการคัดกรอง (โดยเฉพาะก่อนปี พ.ศ. 2533)
- การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
- การสักหรือเจาะร่างกายด้วยเข็มที่ใช้ร่วมกัน
- การใช้สิ่งของส่วนตัวที่ปนเปื้อน (มีดโกน แปรงสีฟัน)
ไม่ติดต่อทาง
- การกอด จูบ ไอ จาม
- การรับประทานอาหารร่วมกัน
- การสัมผัสทั่วไปที่ไม่ปนเปื้อนเลือด
โรคไวรัสตับอักเสบซี อาการเป็นอย่างไร?
โรคไวรัสตับอักเสบซีแบ่งอาการออกเป็น 2 ระยะ ดังนี้
ระยะตับอักเสบเฉียบพลัน
- มักไม่มีอาการ หรือมีอาการคล้ายไข้หวัด เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระสีซีด ผิวหนังและตาเหลือง
- ระยะนี้มักเกิดขึ้นภายใน 6 เดือนหลังติดเชื้อ
- ผู้ป่วยบางรายอาจหายจากโรคได้เอง แต่ส่วนใหญ่จะกลายเป็นเรื้อรัง
ระยะตับอักเสบเรื้อรัง
- มักไม่มีอาการ หรือมีอาการคล้ายๆ ระยะเฉียบพลัน
- ตับจะค่อยๆ ถูกทำลายอย่างช้าๆ
- ระยะนี้กินเวลานานหลายปี (10-30 ปี)
หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้รับการรักษา ตับสูญเสียการทำงาน เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น เลือดออกในทางเดินอาหาร ท้องมาน ขาบวม มีโอกาสพัฒนาเป็นโรคตับแข็ง และมะเร็งตับได้
การตรวจวินิจฉัยโรคไวรัสตับอักเสบซี
โรคไวรัสตับอักเสบซีสามารถตรวจวินิฉัยได้โดยการตรวจหาภูมิคุ้มกันต่อไวรัสตับอักเสบซี (Anti-HCV) ตรวจหาแอนติบอดีในเลือด หรือ ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบซี (HCV RNA) ตรวจหา RNA ของไวรัสในเลือด
ผลการตรวจเป็นบวก
- แสดงว่าผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
- แพทย์จะแนะนำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อหา ระยะของโรค ความรุนแรงของโรค
- แพทย์จะแนะนำการรักษาที่เหมาะสม
ผลการตรวจเป็นลบ
- แสดงว่าผู้ป่วยไม่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
- แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจซ้ำในบางกรณี
วิธีป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบซี
- หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
- ใช้เข็มฉีดใหม่ทุกครั้ง สำหรับการเจาะร่างกาย หรือการสัก
- ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
- งดดื่มแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงการใช้ของส่วนตัวร่วมกัน เช่น มีดโกน แปรงสีฟัน
- สวมถุงมือยางเมื่อสัมผัสเลือดของผู้อื่น
- ตรวจคัดกรองเป็นประจำ
โรคไวรัสตับอักเสบซี รักษาอย่างไร?
ปัจจุบัน โรคไวรัสตับอักเสบซีสามารถรักษาได้ด้วยยาต้านไวรัส ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง ระยะเวลาการรักษา ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดของไวรัส ระยะของโรค สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 8 – 12 สัปดาห์ แต่บางกรณีอาจยาวนานถึง 24 สัปดาห์ ผู้ป่วยควรตรวจติดตามกับแพทย์อย่างสม่ำเสมอหลังการรักษา เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสและเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน
อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
หากคุณคิดว่าคุณอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีสิ่งสำคัญ คือ ต้องรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ และการรักษาอย่างถูกต้อง สามารถช่วยป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงอย่าง ตับแข็ง มะเร็งตับได้